เงื่อนไขทางการค้า Website : www.cil.co.th
ข้อตกลงทั่วไป
เว็บไซต์ https:// www.cil.co.th (“เว็บไซต์”) ดำเนินการโดย บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด (“บริษัท”) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ก่อนที่ผู้ใช้บริการ เข้าใช้บริการ เข้าเยี่ยมชม หรือเข้าทำธุรกรรมใด ๆ บนเว็บไซต์ ขอให้ท่านอ่านข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการโดยละเอียดและโปรดใช้ความระมัดระวังก่อนทำธุรกรรมใด ๆ บนเว็บไซต์นี้ การที่ผู้ใช้บริการเข้าถึงเว็บไซต์และหน้าจอใด ๆ ของเว็บไซต์นี้ หรือเข้าทำธุรกรรมใด ๆ บนเว็บไซต์นี้ บริษัทถือว่าท่านรับทราบและยอมรับข้อตกลง รวมถึงเงื่อนไขที่บริษัทได้กำหนดไว้ทั้งหมด หากท่านไม่ประสงค์ที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการขอความกรุณาผู้ใช้บริการยุติการเข้าชมและใช้งานเว็บไซต์นี้ในทันที
- คำนิยาม
“ผู้ใช้บริการ” หมายความถึง บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ใช้บริการใด ๆ บนเว็บไซต์ของบริษัท
“บริการ” หมายความรวมถึง ข้อมูลและเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าที่ผลิตหรือจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท รวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ และเว็บไซต์ของบริษัท
“บัญชี” หมายความถึง บัญชีของผู้ใช้ที่ได้ทำการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อใช้ในการเข้าถึง ใช้งาน หรือทำธุรกรรมใด ๆ บนเว็บไซต์นี้
“คุกกี้” หรือ “Cookies” หมายความถึง ไฟล์ข้อมูลขนาดเล็กที่นำไปติดบนเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์จดจำข้อมูลเข้าชมของผู้ใช้บริการ เช่น ตำแหน่ง, ภาษา, อุปกรณ์ที่ใช้ของผู้เข้าใช้ของเว็บไซต์ ตลอดจนพฤติกรรมการใช้งานบนเว็บไซต์นั้น เป็นต้น จนกว่าผู้ใช้บริการจะลบคุกกี้ หรือไม่อนุญาตให้คุกกี้ นั้นทำงานอีกต่อไป
- วัตถุประสงค์
บริษัทจัดทำเว็บไซต์นี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการกำหนดเงื่อนไขการจำหน่ายสินค้าของบริษัท และสินค้าที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ตลอดจนความรู้ ข่าวสาร อีกทั้งใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร และ การให้บริการหรืออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ผ่านระบบดิจิทัลและแพลตฟอร์มในรูปแบบต่าง ๆ ที่บริษัทสร้างขึ้น ทั้งนี้ เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการและบุคลากรของบริษัท ตลอดจนเพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- เงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้งานเว็บไซต์
ผู้ใช้บริการอาจเข้าถึง การสร้าง การส่ง หรือแสดงข้อมูล เช่น ไฟล์เอกสาร ข้อความลายลักษณ์อักษร ภาพถ่าย กราฟิก เสียง วิดีโอ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ และชื่อทางการค้า หรือบริการออนไลน์รูปแบบต่าง ๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ (“เนื้อหา”)
เนื้อหาบนเว็บไซต์เป็นเพียงข้อมูลทั่วไป และอาจมีบางส่วนเป็นเนื้อหาในเชิงประวัติศาสตร์ซึ่งมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น เนื้อหาที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้อาจไม่ถูกต้องสมบูรณ์ หรือไม่ตรงตามข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และผู้ใช้บริการไม่ควรตัดสินใจดำเนินการใด ๆ โดยยึดถือตามข้อมูลที่ปรากฏในเว็บไซต์นี้แต่เพียงอย่างเดียว การใช้ข้อมูลในเว็บไซต์นี้เป็นความเสี่ยงของผู้ใช้บริการเอง และบริษัทมีสิทธิปรับปรุง เปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อยู่ในเว็บไซต์ได้ตลอดเวลา โดยเป็นดุลพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว
3.1 เงื่อนไขและข้อกำหนดการให้บริการของบริษัท
(1) บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงหรือระงับการใช้เว็บไซต์นี้ไม่ว่าในเวลาใด ๆ โดยไม่ต้องขอความยินยอมและไม่จำต้องบอกกล่าวแก่ผู้ใช้บริการ และโดยปราศจากความรับผิดต่อผู้ใช้บริการหรือต่อบุคคลภายนอก กรณีมีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ บนเว็บไซต์ เมื่อผู้ใช้งานได้เข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ภายหลังการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว ย่อมถือว่าผู้ใช้บริการได้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว และบริษัทสามารถปฏิเสธสิทธิในการใช้เว็บไซต์ทั้งหมดหรือบางส่วนแก่ผู้ใดก็ได้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
(2) บริษัทอาจหยุดให้บริการเป็นการชั่วคราวหรือถาวร หรือยกเลิกการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการรายใดเป็นการเฉพาะ หากการให้บริการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการอื่น ๆ หรือขัดแย้งต่อข้อกฎหมาย โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า และจะทำการแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบหลังจากดำเนินการภายใน 7 วัน
(3) การหยุด หรือการยกเลิกบริการตามข้อ (2) ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถเข้าใช้บริการ และเข้าถึงรายละเอียดบัญชีของผู้ใช้บริการ ไฟล์เอกสารใด ๆ หรือเนื้อหาอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีของผู้ใช้บริการได้ ในกรณีที่บริษัทหยุดให้บริการเป็นการถาวร หรือยกเลิกบริการแก่ผู้ใช้บริการ บริษัทมีสิทธิในการลบข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในบัญชีของผู้ใช้บริการได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า
(4) บริษัทอาจกำหนดขอบเขตสูงสุดของปริมาณข้อมูลที่ผู้ใช้บริการอาจส่งหรือได้รับผ่านบริการหรือจำนวนพื้นที่จัดเก็บที่ใช้สำหรับการให้บริการใด ๆ เมื่อใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท
(5) การที่บริษัทไม่เรียกร้องให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามข้อกำหนดใด ๆ ของข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการนี้ หรือข้อตกลงหรือธุรกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ เวลาใด ก็ตาม จะไม่กระทบต่อสิทธิของบริษัทในการเรียกร้องให้ผู้ใช้บริการปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการดังกล่าวอย่างเต็มที่ในเวลาต่อมา การที่บริษัทไม่ใช้สิทธิใด ๆ ที่ระบุไว้ในที่นี้จะไม่ถือเป็นการสละสิทธินั้น และการสละสิทธิของบริษัทต่อการละเมิดข้อกำหนดใด ๆ ในที่นี้ไม่ถือเป็นการสละสิทธิต่อการละเมิดข้อกำหนดเดียวกันหรือข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลัง
(6) บริษัทอาจส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (“E-mail”) หรือข้อความอิเล็กทรอนิกส์อื่นใด เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ผู้ใช้บริการอาจสนใจไปยังผู้ใช้บริการเป็นคราว ๆ ไป โดยผู้ใช้บริการตกลงและยินยอมรับ E-mail หรือข้อความอิเล็กทรอนิกส์อื่นใดนี้
3.2 เงื่อนไขและข้อกำหนดการใช้บริการโดยผู้ใช้บริการ
(1) ผู้ใช้บริการจะใช้บริการนี้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ได้รับอนุญาตตามข้อตกลงที่ได้ทำกับบริษัท และไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
(2) ผู้ใช้บริการจะไม่เข้าใช้ หรือพยายามเข้าใช้บริการหนึ่งบริการใดโดยวิธีอื่น รวมถึงการใช้วิธีการอัตโนมัติ (การใช้สคริปต์) นอกจากช่องทางที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้ เว้นแต่ผู้ใช้บริการจะได้รับอนุญาตจากบริษัทโดยชัดแจ้งให้ทำเช่นนั้นได้
(3) ผู้ใช้บริการจะไม่ทำหรือมีส่วนร่วมในการขัดขวางหรือรบกวนบริการของเว็บไซต์ รวมทั้งเครื่องแม่ข่ายและเครือข่ายที่เชื่อมต่อกับบริการ
(4) ห้ามผู้ใช้บริการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง หมิ่นประมาท ลามกอนาจาร ข่มขู่ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา หาประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ หรือข้อมูลที่มีลักษณะไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยประการใด ๆ
(5) ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อบริษัทหรือบุคคลใด ๆ ในความเสียหายอันเกิดจากการละเมิดข้อกำหนด
(6) ผู้ใช้บริการจะไม่ทำการโอนหรือมอบหมายสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่บุคคลที่สาม เว้นแต่จะได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท มิฉะนั้นจะถือว่าเป็นโมฆะและไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย
4.กรรมสิทธิ์และสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
4.1 ความเป็นเจ้าของ : ทรัพย์สินทางปัญญาบนเว็บไซต์และเอกสารข้อมูลต่าง ๆ เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โดยอนุญาตให้ผู้ใช้บริการใช้เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทเท่านั้น ผู้ใช้บริการตกลงที่จะไม่ทำการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิในทางการค้าและ/หรือทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท
4.2 ข้อสงวนสิทธิ: บริษัทขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาบนเว็บไซต์นี้ ไม่ว่าจะเป็นลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายอื่น ข้อมูลทั้งหมด ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพกราฟิก เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ ตลอดจนการจัดเรียงสิ่งเหล่านั้นบนเว็บไซต์ของบริษัท และให้หมายความรวมถึงสิ่งอื่นใดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลที่สามซึ่งบริษัทได้รับอนุญาต ได้รับความคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา และ/หรือสิทธิในความเป็นเจ้าของอื่น ๆ ตามกฎหมายของประเทศไทยไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ และไม่ว่าจะได้รับการจดทะเบียนไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม ผู้ที่จะนำไปใช้ทั้งในและนอกเว็บไซต์ไม่ว่าเพื่อการใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเต็มที่เท่าที่กฎหมายกำหนด
4.3 สิทธิการใช้งานแบบจำกัด: บรรดาข้อความ ไฟล์ หรือเอกสารที่ปรากฏบนเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้บริการมีสิทธิเพียงเข้าดู ดาวน์โหลด อัปโหลดเนื้อหา และพิมพ์เนื้อหาดังกล่าว เฉพาะเพื่อประโยชน์แห่งวัตถุประสงค์การให้บริการของบริษัทเท่านั้น การทำซ้ำ การดัดแปลง การทำวิศวกรรมย้อนกลับ การคัดลอกรหัสคอมพิวเตอร์ การเผยแพร่ข้อมูล การตีพิมพ์ซ้ำ การสร้างเว็บไซต์ลิงก์ใด ๆ หรือการกระทำด้วยวิธีการใด ๆ ต่อทรัพย์สินซึ่งได้รับการคุ้มครองถือว่าเป็นการฝ่าฝืนทั้งสิ้น
- รหัสผ่านและความรับผิดต่อการกระทำบนเว็บไซต์
5.1 ผู้ใช้บริการมีหน้าที่ในการรักษาความลับของรหัสผ่านที่เชื่อมโยงกับบัญชีใด ๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงบริการการใช้งานบางส่วนในเว็บไซต์อาจต้องมีการลงทะเบียนหรือใช้รหัสผ่าน หากบริษัทให้ “ชื่อผู้ใช้งาน” และ/หรือ “รหัสผ่าน” แก่ผู้ใช้บริการเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์นี้หรือบางส่วนของเว็บไซต์นี้ “ชื่อผู้ใช้งาน” และ/หรือ “รหัสผ่าน” นั้นจะเป็นความลับและเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลสำหรับผู้ใช้บริการ “ชื่อผู้ใช้งาน” และ “รหัสผ่าน” ที่ให้ผู้ใช้บริการนี้ถือเป็นทรัพย์สินของบริษัท ผู้ใช้บริการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้บริการให้แก่บุคคลอื่น
5.2 ผู้ใช้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อบริษัท สำหรับการใช้งานทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายใต้บัญชีของผู้ใช้บริการผู้ใช้บริการจะต้องรับผิดชอบกรณีที่บุคคลอื่นใช้งาน “ชื่อผู้ใช้งาน” และ/หรือ “รหัสผ่าน” ของผู้ใช้บริการโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการแต่เพียงผู้เดียวผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งให้บริษัททราบ หากมีเหตุให้สงสัยถึงความปลอดภัยของ ”ชื่อผู้ใช้งาน” และ ”รหัสผ่าน” บริษัทอาจยกเลิกบัญชีของผู้ใช้บริการและ/หรือปฏิเสธ หรือจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
- การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่น
ในกรณีเว็บไซต์นี้มีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ การเชื่อมต่อนี้เพื่อช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาเว็บไซต์ บริการ และ/หรือ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย บริษัทไม่มีอำนาจที่จะควบคุม รับรอง ยืนยันความถูกต้องหรือความน่าเชื่อถือ หรือรับผิดชอบในเนื้อหาของเว็บไซต์อื่น ๆ หรือการเชื่อมต่อใด ๆ ที่แสดงอยู่ในเว็บไซต์นั้น ๆ การตัดสินใจว่าบริการ และ/หรือผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์เหล่านี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของท่านหรือไม่นั้น เป็นความรับผิดชอบของผู้ใช้บริการเอง บริษัทไม่สามารถควบคุมและจะไม่รับผิดชอบเนื้อหาของเว็บไซต์เหล่านั้นทั้งสิ้น บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกำหนดถึงการรับประกันใด ๆ หรือต้องรับภาระค่าเสียหายที่เกี่ยวพันกับเจ้าของ หรือผู้ดำเนินงานของเว็บไซต์แต่อย่างใด รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากข้ออ้างใด ๆ ก็ตามที่ละเมิด ลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นบนเว็บไซต์ของบุคคลที่สามนั้น บริษัทขอเตือนให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบข้อกำหนดและการใช้งานเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงไปดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง
- เงื่อนไขการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท
กรณีหากผู้ใช้บริการต้องการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท ผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมโยงมายังหน้าแรกหรือหน้าอื่นของเว็บไซต์ได้โดยแจ้งความประสงค์เป็นลายลักษณ์อักษรและต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากบริษัทแล้วเท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิที่จะกำหนดเงื่อนไขในการเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของบริษัท และจะไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหาที่แสดงบนเว็บไซต์หรือความเสียหายใดที่เกิดขึ้นจากการใช้เว็บไซต์นั้น
7.1 เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีงาม หรือกฎหมาย
7.2 การเชื่อมโยงที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัท ด้วยวิธีการที่ทำให้เกิดความสับสนว่าเนื้อหาในเว็บไซต์ที่มีการเชื่อมโยงมาเป็นของบริษัท
7.3 เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาบิดเบือนหรือส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบริษัท รวมไปถึงบริการต่าง ๆ
7.4 การเชื่อมโยงเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์หรือเพื่อแสวงหาผลกำไรอันเกิดจากการละเมิดข้อกำหนด
- เทคโนโลยีเสริมที่นำมาใช้ในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย
บริษัทได้นำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเว็บไซต์ดังนี้
8.1 Firewall เป็นระบบซอฟท์แวร์ที่จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่มีสิทธิ หรือผู้ที่บริษัทอนุมัติเท่านั้นจึงจะผ่าน Firewall เพื่อเข้าถึงข้อมูลได้
8.2 Scan Virus นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ให้บริการจะมีการติดตั้ง Software ป้องกัน Virus ที่มีประสิทธิภาพสูงและ Update อย่างสม่ำเสมอแล้ว บริษัทยังได้ติดตั้ง Scan Virus Software บนเครื่อง Server โดยเฉพาะอีกด้วย
8.3 การใช้คุกกี้ (Cookies) บริษัทได้ตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวของ ผู้ใช้บริการเป็นอย่างดีจึงหลีกเลี่ยงการใช้ Cookies แต่ถ้าหากมีความจำเป็น ต้องใช้ Cookies บริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และตระหนักถึงความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นหลักในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทอาจมีการใช้คุกกี้และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกันในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอัตโนมัติ ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล หรือดำเนินการตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ผู้ใช้บริการมีสิทธิที่จะยอมรับ หรือไม่ยอมรับ หรือยกเลิกการยอมรับคุกกี้ (Cookies) ก็ได้ ในกรณีที่เลือกจะไม่รับ หรือลบคุกกี้ (Cookies) เว็บไซต์ของบริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการ หรือไม่สามารถแสดงผลได้
8.4 Auto Log off ในการใช้บริการของเว็บไซต์หลังจากเลิกการใช้งานควร Log off ทุกครั้ง กรณีที่ผู้ใช้บริการลืม Log off ระบบจะทำการ Log off ให้โดยอัตโนมัติภายในเวลาที่เหมาะสมของแต่ละบริการ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการเอง
- คำรับรองของผู้ใช้บริการ
ผู้ใช้บริการรับรองและรับประกันว่า:
9.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว สำหรับกรณีของผู้เยาว์รับรองว่าได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมาย ให้มีสิทธิและความสามารถที่จะเข้าทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขการให้บริการบนเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้บริการยินดีและตกลงปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการนี้ทุกประการ และ
9.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้กับบริษัทเป็นจริงทุกประการ และหากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้บริษัททราบเพื่อปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และ
9.3 เข้ามาลงทะเบียนใช้บริการด้วยความสุจริต และบริสุทธิ์ใจ จะทำธุรกรรม ซื้อและ/หรือใช้บริการด้วยจรรยาบรรณของผู้ประกอบธุรกิจ และตกลงที่จะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในเรื่องที่เกี่ยวกับ แนวปฏิบัติ คำสั่ง ระเบียบการดำเนินงาน นโยบาย และคำแนะนำ ข้อพึงระวังทั้งหลายที่เกี่ยวกับการซื้อขายสินค้า ซึ่งออกใช้บังคับโดยบริษัท
9.4 ผู้ใช้บริการจะใช้บริการบนแพลตฟอร์มนี้เพื่อวัตถุประสงค์การซื้อสินค้า/ใช้บริการของบริษัทเท่านั้นและจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืน เงื่อนไขการให้บริการ กฎหมาย กฎระเบียบ ประมวลกฎหมาย คำสั่ง แนวทางปฏิบัติ นโยบายและข้อบังคับที่บังคับใช้ทั้งหมด
9.5 ผู้ใช้บริการจะไม่สวมรอยหรือปลอมแปลงตัวตนของผู้ใช้บริการผิดจากที่เป็นอยู่จริง
9.6 ผู้ใช้บริการจะให้ความร่วมมือกับบริษัทในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขและยุติปัญหาที่เกิดจากการผิดสัญญา การละเมิด หรือปัญหาข้อกฎหมายอื่น ๆ กับบริษัทอย่างเต็มที่ รวมทั้งตกลงและปกป้องไม่ให้บริษัท กรรมการ หรือพนักงานของบริษัทหรือบริษัทในเครือถูกฟ้องร้อง หรือเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลภายนอก
- ข้อจำกัดความรับผิด/การปฏิเสธความรับผิด
10.1 บริษัทจะไม่รับผิดต่อความเสียหายใด ๆ รวมถึงความเสียหาย สูญเสียและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมที่เป็นผลหรือสืบเนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการเข้าใช้เว็บไซต์นี้หรือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์นี้ และบริษัทไม่รับผิดต่อความเสียหาย สูญเสีย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากผู้ใช้บริการเข้าใช้หรือดาวน์โหลดข้อมูล ความล้มเหลวในการใช้งาน เหตุขัดข้องหรืออุปสรรคของการเชื่อมต่อ ความผิดพลาดในการแสดงผล ความเสถียรของระบบ การละเว้น การหยุดชะงัก การถูกขัดจังหวะ ความล่าช้า ข้อบกพร่องใดที่เกิดจากจากไวรัสคอมพิวเตอร์, Computer Worm, Trojan Horse, Spyware หรือ Malware หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีความปลอดภัย (“ข้อบกพร่อง”) ถึงแม้ว่าบริษัทจะได้รับแจ้งว่าอาจจะเกิดความเสียหาย สูญเสียหรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวขึ้น
10.2 บริษัทไม่รับผิดต่อผู้ใช้บริการหรือบุคคลจากการเรียกร้องใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากเนื้อหาบนเว็บไซต์ หรือเนื้อหาใด ๆ ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจหรือการกระทำใด ๆ ที่เกิดจากความเชื่อถือในเนื้อหาดังกล่าวของผู้ใช้เว็บไซต์ หรือในความเสียหายใด ๆ ไม่ว่าความเสียหายทางตรง หรือทางอ้อม รวมถึงความเสียหายอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นได้ ผู้ใช้บริการยอมรับและตระหนักดีว่าบริษัทจะไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำใดของผู้ใช้บริการทั้งสิ้น
10.3 ผู้ใช้บริการตกลงรับความเสี่ยงในความเสียหาย การสูญหายของข้อมูล ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่ใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้บริการตกลงรับความเสี่ยงในการใช้งานเว็บไซต์นี้
10.4 บริษัทไม่รับรองว่าการเข้าใช้งานเว็บไซต์จะเป็นไปโดยปราศจากความล่าช้าและข้อผิดพลาดใด ๆ และไม่รับรองว่าเว็บไซต์นี้จะปราศจากโปรแกรม ไฟล์ หรือซอฟต์แวร์ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้าย หรืออาจสร้างความเสียหายต่อระบบหรือข้อมูลในระบบของผู้ใช้งาน รวมถึงข้อบกพร่องใด ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าความบกพร่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นจากบุคคล หรือความขัดข้องทางเทคนิค หรือเหตุสุดวิสัยอย่างอื่น
10.5 ในกรณีที่บัญชีใด ๆ ซึ่งผู้ใช้บริการได้ใช้ในการเข้าถึงบริการการใช้งานในเว็บไซต์นั้นถูกแฮ็ก ผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งให้บริษัททราบในทันที มิฉะนั้นจะถือว่าผู้ใช้บริการจะรับผิดต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการแฮ็กนั้นเอง
- นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้บริการ โปรดศึกษาได้จาก Privacy Policy หรือนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
- การติดต่อ
หากท่านมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไข หรือการให้บริการเว็บไซต์นี้ หรือการใช้งานเว็บไซต์ กรุณาติดต่อ
บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด
ติดต่อเจ้าหน้าที่: ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ: สำนักงานใหญ่ เลขที่ 18 ซอยรามคำแหง 30 (บ้านเรา) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240
โทร: 0-2375-5197 Fax: 0-2732-1778
(Line ID: @648sstne)
- กฎหมายที่ใช้บังคับ
การตีความและการบังคับตามเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายไทย โดยไม่คำนึงถึงหลักการขัดกันแห่งกฎหมาย ก่อนตกลงซื้อสินค้า/ใช้บริการของบริษัท ผู้ใช้บริการได้อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว ทำให้ทราบถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและข้อตกลงต่าง ๆ เป็นอย่างดีแล้วเห็นว่าสามารถปฏิบัติและยอมรับได้ จึงได้ตกลงซื้อสินค้า/ใช้บริการของบริษัท
- การแยกออกจากกัน
หากเงื่อนไขหรือข้อกำหนดใด ๆ ตกเป็นโมฆะ ไม่สมบูรณ์ หรือไม่มีผลบังคับใช้ ให้เงื่อนไขและข้อกำหนดดังกล่าวแยกออกจากส่วนที่เหลือ และให้เงื่อนไขและข้อกำหนดที่เหลือยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป
การส่งสินค้า และการคืนสินค้า
- การส่งสินค้า
(1) บริษัทจะทำการยืนยันการจัดส่งสินค้าแก่ผู้ใช้บริการเมื่อได้ทำการชำระเงินและทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย
(2) บริการจัดส่งสินค้าจะทำขึ้นเฉพาะภายในประเทศไทยเท่านั้น เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ทางบริษัทได้ใช้บริการจากขนส่งที่น่าเชื่อถือได้อย่าง Kerry Express และ ไปรษณีย์ไทย
(3) บริษัทจะเริ่มนับระยะเวลาการจัดส่งสินค้าหลังจากที่ผู้ใช้บริการได้รับ SMS หรือ E-mail ยืนยันการสั่งซื้อสินค้า โดยผู้ใช้บริการจะได้รับการโทรนัดหมายการจัดส่งสินค้าจากพนักงานจัดส่งตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ใช้บริการให้ไว้ตอนทำการสั่งซื้อ และผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งสินค้า (Track Order) ได้ที่หน้าวิธีสั่งซื้อบนเว็บไซต์
(4) ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าจะอยู่ที่ 2-3 วันทำการโดยประมาณ ไม่นับวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดราชการ และขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการขนส่งและพื้นที่จัดส่งสินค้า สำหรับการจัดส่งสินค้าในพื้นที่ห่างไกลหรือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยะลา ปัตตานี และ นราธิวาส) ระยะเวลาในการจัดส่งจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ๆ โดยทางบริษัทจะจัดส่งให้ตามความเหมาะสม
(5) ผู้ใช้บริการจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการจัดส่งสินค้า เมื่อได้ทำการสั่งซื้อสินค้าเรียบร้อยแล้ว
- การคืนสินค้า
การคืนสินค้าผู้ใช้บริการสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
1) คืนสินค้าเพื่อเปลี่ยนสินค้า หรือ
2) คืนสินค้าเพื่อขอเงินคืน
2.1 เหตุในการคืนสินค้า
(1) ผู้ใช้บริการได้รับสินค้าผิดรุ่น ผิดแบบ ผิดขนาด หรือ ผิดสี กรณีหนึ่งกรณีใดต่างจากรายละเอียดการยืนยันการสั่งซื้อที่ได้รับจากบริษัท
(2) สินค้ามีสภาพชำรุด บกพร่อง แตกหัก เสียหาย หรือไม่สามารถใช้งานได้ โดยความเสียหายนั้นผู้ใช้บริการต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเกิดจากกระบวนการผลิตสินค้า หรือ กระบวนการขนส่ง
(3) ผู้ใช้บริการได้รับสินค้าไม่ครบตามจำนวนที่สั่งซื้อ หรือส่วนประกอบชิ้นส่วนของสินค้าไม่ครบ
(4) สินค้าที่ได้รับมีลักษณะไม่ตรงกับคำอธิบายบนเว็บไซต์
2.2 เงื่อนไขการคืนสินค้า
(1) เมื่อผู้ใช้บริการได้รับสินค้าแล้ว ทางบริษัทขอแนะนำให้ทำการถ่ายวิดีโอขณะแกะกล่องบรรจุภัณฑ์ตลอดจนทดสอบการใช้งานสินค้า เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาหากสินค้าเกิดความชำรุดหรือได้รับความเสียหาย
(2) ผู้ใช้บริการจะต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงเหตุตามข้อ 2.1 ผ่านช่องทางติดต่อที่บริษัทได้ให้ไว้บนเว็บไซต์เป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 7 วัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นับแต่วันที่บริษัทขนส่งนำสินค้าส่งถึงที่อยู่ของลูกค้า หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับเปลี่ยนหรือคืนสินค้าในทุกกรณี
(3) บริษัทจะรับเปลี่ยนและจัดส่งสินค้าที่ถูกต้องให้กับผู้ใช้บริการใหม่ไม่เกิน 15 วันทำการ นับจากวันที่ผู้ใช้บริการได้รับการยืนยันจากทางบริษัทว่าสามารถขอคืนสินค้าได้ บริษัทจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ กับผู้ใช้บริการ
(4) ผู้ใช้บริการจะต้องเก็บหลักฐานใบเสร็จค่าส่งไว้เพื่อใช้ในการเคลมเงินคืนจากบริษัท หากไม่มีหลักฐานดังกล่าวบริษัทจะถือว่าผู้ใช้บริการยินยอมที่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งคืนเอง
2.3 การคืนเงิน
บริษัทจะคืนเงินค่าสินค้าให้กับผู้ใช้บริการจะทำการโอนเงินเต็มจำนวนคืนไปยังบัญชีที่ผู้ใช้บริการโอนมา ภายใน 15 วันนับจากวันที่บริษัทได้รับแจ้งจากลูกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่ดำเนินการคืนเงินดังกล่าวให้กับผู้ใช้บริการ ในกรณีที่บริษัทติดต่อผู้ใช้บริการและขอข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อใช้สำหรับการตรวจสอบหรือพิจารณาการคืนเงิน หากผู้ใช้บริการปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลดังกล่าว
จริยธรรมทางธุรกิจ (Code of Conduct)
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อคู่ค้าเท่านั้น การคัดเลือกคู่ค้าเรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทฯ พึงดำเนินธุรกิจตามแนวทางปฏิบัติต่อไปนี้
- ด้านจริยธรรมทางธุรกิจ
1.1 การประกอบธุรกิจด้วยความเป็นธรรม: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม รวมถึงดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกติกาการแข่งขันที่ดี
1.2 ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องดำเนินธุรกิจตามหลักจริยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยไม่ทุจริต ติดสินบน หรือ ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งหากพบว่าคู่ค้าได้กระทำการใด ๆ เข้าขอบข่ายดังกล่าว คู่ค้าจะถูกยกเลิกสัญญา โดยกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะไม่รับผิดชอบความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อคู่ค้าหรือบุคคลอื่น อันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าว และคู่ค้าอาจถูกดำเนินการตามกฎหมาย
1.3 การรักษาความลับ: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น และต้องไม่มีการนำข้อมูลของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย และ/หรือ เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล และ/หรือ เพื่อประโยชน์ทางการค้าในการนำความลับไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้านั้น จะทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น โดยผู้ใช้ต้องกระทำด้วยความสุจริต
1.4 การปฏิบัติตามกฎหมาย: คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมดในประเทศที่คู่ค้ามีการดำเนินธุรกิจอยู่ และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (เช่น การลงโทษ ทางการค้า การควบคุมการส่งออก และหน้าที่ในการรายงาน) การปกป้องข้อมูล กฎหมายการป้องกันการ ผูกขาด/การแข่งขันทางการค้า
1.5 การเคารพทรัพย์สินทางปัญญา: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ต้องเคารพและไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น รวมถึงจัดให้มีมาตรการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
1.6 การต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น: การดำเนินธุรกิจของคู่ค้ากับกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาโปร่งใส ซื่อสัตย์ตรวจสอบได้ และไม่คอร์รัปชั่น โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น รวมทั้งไม่ทำให้เกิด ข้อครหา หรือเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัท
1.7 การให้ข้อมูลข่าวสาร: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องให้ข้อมูลใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับบริษัทตามข้อมูลที่เป็นจริง และต้องไม่ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นการพาดพิงหรือสร้างผลกระทบด้านลบต่อบริษัทได้
1.8 การปฏิบัติต่อคู่แข่ง: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องดำเนินธุรกิจในการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เอารัดเอาเปรียบ และไม่จู่โจมหรือใส่ร้ายคู่แข่งทางการค้า
- ผลประโยชน์ทับซ้อน
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อคู่ค้าเท่านั้น การคัดเลือกคู่ค้าเรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
- สวัสดิการแรงงานและหลักสิทธิมนุษยชน
3.1 การไม่บังคับใช้แรงงาน: ไม่ปฏิบัติต่อแรงงานในลักษณะแรงงานทาส รวมถึงการลงโทษทางกายภาพ การขู่เข็ญ การกักขัง หรือ ข่มขู่แรงงานของตนเอง แรงงานต้องปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจ แรงงานสามารถหยุดงาน หรือยกเลิกการว่าจ้างงานได้ตามที่กฎหมายกำหนด หากมีการแจ้งคู่ค้าถึงเหตุผลอันสมควร
3.2 การปฏิบัติอย่างเป็นธรรม: ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเคารพ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งแยกถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ เพศ อายุ สีผิว ศาสนา การแสดงออกทางความคิด สภาพร่างกาย ฐานะ และชาติตระกูล
3.3 การคุ้มครองสิทธิของแรงงาน: ไม่จ้างแรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด กรณีมีการจ้างแรงงานที่อายุเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แรงงานดังกล่าวจะต้องได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ กรณีใช้แรงงานต่างด้าวต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างถูกต้อง พิจารณาจัดสรรที่พักอาศัยที่เหมาะสม ให้กับแรงงานในพื้นที่งานก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย และ จัดสรรพื้นที่พักอาศัยสำหรับเด็กให้อยู่ห่างจากพื้นที่งานก่อสร้าง รับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงาน
3.4 ผลตอบแทนระยะเวลาการทำงาน: จัดสรรค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ ตามที่พนักงานพึงได้รับ และไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จัดสรรเวลาการทำงาน การทำงานล่วงเวลา และวันลาหยุดตามที่กฎหมายกำหนด การทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของพนักงาน
- การดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4.1 การดำเนินงาน การจัดหา การผลิต การกระจายสินค้า และการให้บริการ จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ เพื่อปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
4.2 มีการวางแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการใช้สารเคมีอันตราย การกำจัดของเสีย น้ำเสียและมลพิษทางอากาศ การใช้น้ำและพลังงาน
- ความปลอดภัยและชีวอนามัย
5.1 ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน: คู่ค้าของอินโนเวชั่น กรุ๊ป ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยจัดเตรียมสภาพแวดล้อม ในการทำ งานให้ปลอดภัยเพื่อลดและควบคุมโอกาสการ บาดเจ็บ / เจ็บป่วย /อุบัติเหตุและเหตุฉุกเฉิน
5.2 อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน อันตรายส่วนบุคคลที่พร้อมใช้ เหมาะสมกับงาน และเพียงพอกับลูกจ้าง
5.3 การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องมีแผนรองรับเมื่อเกิด สถานการณ์ฉุกเฉินและสื่อสารให้ลูกจ้างมีความเข้าใจ ปฏิบัติได้ถูกต้องและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม
คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน / สังคมรอบข้าง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชุมชนและสังคมไทย
ข้อมูลส่วนบุคคล
ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล อีกทั้งเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทได้วางนโยบายไว้ดังต่อไปนี้
1.คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัทในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ บริษัท เคมี อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พัฒนาธุรกิจสากล จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น โพลีมิกซ์ จำกัด, บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ โพลิเมอร์ส จำกัด, บริษัท คาวามาตะ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคจีไอ เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สแกนท๊อป อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น แคปปิตอล (1989) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น พร็อพพริเอท จำกัด, INNOVATION GROUP (VIET NAM) CO., LTD., CHEMICAL INNOVATION (VIET NAM) CO., LTD. และให้หมายความรวมถึงบริษัทอื่นใดในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในอนาคตทั้งในและต่างประเทศด้วย
“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา
“ข้อมูลส่วนบุคคล” (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Subject) หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพจิต, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลชีวภาพ, หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
2.ขอบเขตการบังคับใช้
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีผลบังคับใช้กับการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน ซึ่งหมายถึงพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างงานแบบระบุระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา พนักงานชั่วคราว และผู้รับเหมา รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามบริษัท
3.การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น
3.2 บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้
3.3 บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการผู้เยาว์เป็นกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีกรณีที่ผู้เยาว์รับรองว่าได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายให้มีสิทธิและความสามารถที่จะเข้าทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขการให้บริการบนเว็บไซต์นี้ ในกรณีดังกล่าวบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
- วัตถุประสงค์ของการรวบรวมข้อมูล ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะทำเท่าที่จำเป็นเพียงพอแก่การดำเนินงาน และที่กฎหมายกำหนดให้กระทำการได้ มีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้
4.1 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการงานของบริษัท การจัดหาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้หรือรับบริการในรูปแบบต่าง ๆ
4.2 เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัท
4.3 เพื่อการค้นคว้า หรือการวิจัย
4.4 เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท
4.5 เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพในการดำเนินงาน การให้บริการ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
4.6 เพื่อการวิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางเว็บไซต์ และวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาการใช้งาน
4.7 เพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท
4.8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึง การป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ของบริเวณอาคาร ภายในอาคาร และพื้นที่ของบริษัท
4.9 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หรือบริษัท อาจไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่าง ๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน
- ระยะเวลาในการจัดเก็บ และทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจนบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บที่กำหนดบริษัทจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่าระยะเวลานั้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เวลาในการดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ หรือนับจากวันที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งเพิกถอนความยินยอม
- การขอความยินยอม และผลกระทบที่เป็นไปได้จากการปฏิเสธให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท บริษัทอาจปฏิเสธการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือปฏิเสธการให้บริการ หรือจำกัดสิทธิในการให้บริการ
6.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
6.2 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
6.3 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง ที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาจ้าง หรือเพื่อเข้าทำสัญญาแก่บริษัท อาจทำให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่บริษัทจัดไว้ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์
- ข้อยกเว้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติสิทธิไว้ดังนี้
7.1 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
7.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
7.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
7.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
7.6 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลและนิติบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่บริษัทได้แจ้งไว้
8.2 บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง การปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้
(1) บริษัทอาจเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทในเครือ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นทั้งในและต่างประเทศ ตามประกาศ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ที่ 01/2558 เรื่องคำนิยาม ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558
(2) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลและนิติบุคคลอื่น ที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น เช่น ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพประจำปี ผู้รับประกันภัย ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลากร การจ้างงาน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ ระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน คู่ธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ และบุคคลอื่นที่จำเป็น เป็นต้น
(3) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย
8.3 ในกรณีที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบโดยข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน
- การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
9.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคล เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการละเมินสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูล (Legitimate Interest) และจะปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด
9.2 กรณีบริษัทได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึง มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ ที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว
9.3 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
- การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจทำการพิจารณาทบทวน แก้ไข เปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเผยแพร่ผ่านการประกาศในเว็บไซต์ของบริษัท และช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทต่อไป
- มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะกำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ของบริษัทครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (Access Control)
บริษัทจะแจ้งมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ให้แก่บุคลากร พนักงาน ลูกจ้างหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึง สร้างเสริมความตระหนักรู้ด้านความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
12.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว
12.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
12.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไข เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องและสมบูรณ์
12.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
12.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
12.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทไปยังตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นได้
12.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้
12.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทอาจพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม
12.9 สิทธิในการร้องเรียน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทอาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใด ๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่จำเป็น
- ช่องทางการติดต่อบริษัท
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล แจ้งเพิกถอนความยินยอม หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
สถานที่ติดต่อ: บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัทในเครือ
ติดต่อเจ้าหน้าที่: ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ: สำนักงานใหญ่ เลขที่ 18 ซอยรามคำแหง 30 (บ้านเรา) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240
โทร: 0-2375-5197 Fax: 0-2732-1778
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทเห็นสมควร โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่ค้าก่อน แต่ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คู่ค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยประกาศลงในเว็บไซด์ของบริษัท และคู่ค้าตกลงที่จะปฏิบัติตามนโยบายที่บริษัทได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
จริยธรรมทางธุรกิจ (Code of Conduct)
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อคู่ค้าเท่านั้น การคัดเลือกคู่ค้าเรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัทฯ พึงดำเนินธุรกิจตามแนวทางปฏิบัติต่อไปนี้
- ด้านจริยธรรมทางธุรกิจ
1.1 การประกอบธุรกิจด้วยความเป็นธรรม: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม รวมถึงดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกติกาการแข่งขันที่ดี
1.2 ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องดำเนินธุรกิจตามหลักจริยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยไม่ทุจริต ติดสินบน หรือ ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งหากพบว่าคู่ค้าได้กระทำการใด ๆ เข้าขอบข่ายดังกล่าว คู่ค้าจะถูกยกเลิกสัญญา โดยกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะไม่รับผิดชอบความเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อคู่ค้าหรือบุคคลอื่น อันเนื่องมาจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าว และคู่ค้าอาจถูกดำเนินการตามกฎหมาย
1.3 การรักษาความลับ: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะต้องป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่เป็นความลับของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น และต้องไม่มีการนำข้อมูลของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมาย และ/หรือ เพื่อประโยชน์ส่วนบุคคล และ/หรือ เพื่อประโยชน์ทางการค้าในการนำความลับไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้านั้น จะทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น โดยผู้ใช้ต้องกระทำด้วยความสุจริต
1.4 การปฏิบัติตามกฎหมาย: คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบทั้งหมดในประเทศที่คู่ค้ามีการดำเนินธุรกิจอยู่ และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ (เช่น การลงโทษ ทางการค้า การควบคุมการส่งออก และหน้าที่ในการรายงาน) การปกป้องข้อมูล กฎหมายการป้องกันการ ผูกขาด/การแข่งขันทางการค้า
1.5 การเคารพทรัพย์สินทางปัญญา: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ต้องเคารพและไม่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น รวมถึงจัดให้มีมาตรการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
1.6 การต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น: การดำเนินธุรกิจของคู่ค้ากับกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องดำเนินการอย่างถูกต้องตรงไปตรงมาโปร่งใส ซื่อสัตย์ตรวจสอบได้ และไม่คอร์รัปชั่น โดยปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และนโยบายต่อต้านคอร์รัปชั่นของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น รวมทั้งไม่ทำให้เกิด ข้อครหา หรือเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัท
1.7 การให้ข้อมูลข่าวสาร: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องให้ข้อมูลใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับบริษัทตามข้อมูลที่เป็นจริง และต้องไม่ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นการพาดพิงหรือสร้างผลกระทบด้านลบต่อบริษัทได้
1.8 การปฏิบัติต่อคู่แข่ง: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องดำเนินธุรกิจในการแข่งขันทางการค้าอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เอารัดเอาเปรียบ และไม่จู่โจมหรือใส่ร้ายคู่แข่งทางการค้า
- ผลประโยชน์ทับซ้อน
กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นเชื่อมั่นว่าการประกอบธุรกิจอย่างซื่อตรง มีจริยธรรม และคุณธรรม เป็นพื้นฐานสำคัญในการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นไม่เพียงแต่กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นจะยึดมั่นปฏิบัติต่อคู่ค้าเท่านั้น การคัดเลือกคู่ค้าเรื่องจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการพิจารณา อาทิเช่น การปฏิบัติตามกฎหมาย การเคารพสิทธิมนุษยชน หลักธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
- สวัสดิการแรงงานและหลักสิทธิมนุษยชน
3.1 การไม่บังคับใช้แรงงาน: ไม่ปฏิบัติต่อแรงงานในลักษณะแรงงานทาส รวมถึงการลงโทษทางกายภาพ การขู่เข็ญ การกักขัง หรือ ข่มขู่แรงงานของตนเอง แรงงานต้องปฏิบัติงานด้วยความสมัครใจ แรงงานสามารถหยุดงาน หรือยกเลิกการว่าจ้างงานได้ตามที่กฎหมายกำหนด หากมีการแจ้งคู่ค้าถึงเหตุผลอันสมควร
3.2 การปฏิบัติอย่างเป็นธรรม: ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความเคารพ คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งแยกถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ เพศ อายุ สีผิว ศาสนา การแสดงออกทางความคิด สภาพร่างกาย ฐานะ และชาติตระกูล
3.3 การคุ้มครองสิทธิของแรงงาน: ไม่จ้างแรงงานเด็กที่อายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด กรณีมีการจ้างแรงงานที่อายุเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด แรงงานดังกล่าวจะต้องได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนดทุกประการ กรณีใช้แรงงานต่างด้าวต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนดอย่างถูกต้อง พิจารณาจัดสรรที่พักอาศัยที่เหมาะสม ให้กับแรงงานในพื้นที่งานก่อสร้าง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขภาพอนามัย และ จัดสรรพื้นที่พักอาศัยสำหรับเด็กให้อยู่ห่างจากพื้นที่งานก่อสร้าง รับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะจากพนักงาน
3.4 ผลตอบแทนระยะเวลาการทำงาน: จัดสรรค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามความรู้ ความสามารถ ศักยภาพ ตามที่พนักงานพึงได้รับ และไม่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จัดสรรเวลาการทำงาน การทำงานล่วงเวลา และวันลาหยุดตามที่กฎหมายกำหนด การทำงานล่วงเวลา หรือทำงานในวันหยุดต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของพนักงาน
- การดำเนินธุรกิจจะต้องเป็นไปอย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4.1 การดำเนินงาน การจัดหา การผลิต การกระจายสินค้า และการให้บริการ จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ เพื่อปกป้องและรักษาสิ่งแวดล้อม และต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
4.2 มีการวางแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการใช้สารเคมีอันตราย การกำจัดของเสีย น้ำเสียและมลพิษทางอากาศ การใช้น้ำและพลังงาน
- ความปลอดภัยและชีวอนามัย
5.1 ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน: คู่ค้าของอินโนเวชั่น กรุ๊ป ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยจัดเตรียมสภาพแวดล้อม ในการทำ งานให้ปลอดภัยเพื่อลดและควบคุมโอกาสการ บาดเจ็บ / เจ็บป่วย /อุบัติเหตุและเหตุฉุกเฉิน
5.2 อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกัน อันตรายส่วนบุคคลที่พร้อมใช้ เหมาะสมกับงาน และเพียงพอกับลูกจ้าง
5.3 การเตรียมความพร้อมในสถานการณ์ฉุกเฉิน: คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นต้องมีแผนรองรับเมื่อเกิด สถานการณ์ฉุกเฉินและสื่อสารให้ลูกจ้างมีความเข้าใจ ปฏิบัติได้ถูกต้องและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม
คู่ค้าของกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ควรดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชน / สังคมรอบข้าง และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับชุมชนและสังคมไทย
ข้อมูลส่วนบุคคล
ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัทได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล อีกทั้งเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย บริษัทได้วางนโยบายไว้ดังต่อไปนี้
1.คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัทในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ดังมีรายชื่อต่อไปนี้ บริษัท เคมี อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท พี ไอ อินดัสทรี จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท พัฒนาธุรกิจสากล จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น โพลีมิกซ์ จำกัด, บริษัท ไทย-นิฮอน ซีลส์ จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท ครีเอทีฟ โพลิเมอร์ส จำกัด, บริษัท คาวามาตะ อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคจีไอ เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท สแกนท๊อป อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น แคปปิตอล (1989) จำกัด, บริษัท อินโนเวชั่น พร็อพพริเอท จำกัด, INNOVATION GROUP (VIET NAM) CO., LTD., CHEMICAL INNOVATION (VIET NAM) CO., LTD. และให้หมายความรวมถึงบริษัทอื่นใดในกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในอนาคตทั้งในและต่างประเทศด้วย
“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา
“ข้อมูลส่วนบุคคล” (Personal Data) หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (Data Subject) หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะหมายถึงบุคคลธรรมดาที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น และไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลโดยแท้ของบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ, เผ่าพันธุ์, ความคิดเห็นทางการเมือง, ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา, พฤติกรรมทางเพศ, ประวัติอาชญากรรม, ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ หรือข้อมูลสุขภาพจิต, ข้อมูลสหภาพแรงงาน, ข้อมูลพันธุกรรม, ข้อมูลชีวภาพ, หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง การเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
2.ขอบเขตการบังคับใช้
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ มีผลบังคับใช้กับการปฏิบัติงานของพนักงานทุกคน ซึ่งหมายถึงพนักงานประจำ พนักงานสัญญาจ้างงานแบบระบุระยะเวลาสิ้นสุดสัญญา พนักงานชั่วคราว และผู้รับเหมา รวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามบริษัท
3.การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
3.1 บริษัทจะดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท เท่านั้น
3.2 บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือตามแบบวิธีการของบริษัท กรณีที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้
3.3 บริษัทไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการผู้เยาว์เป็นกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม หากมีกรณีที่ผู้เยาว์รับรองว่าได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายให้มีสิทธิและความสามารถที่จะเข้าทำสัญญาภายใต้เงื่อนไขการให้บริการบนเว็บไซต์นี้ ในกรณีดังกล่าวบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์
- วัตถุประสงค์ของการรวบรวมข้อมูล ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะทำเท่าที่จำเป็นเพียงพอแก่การดำเนินงาน และที่กฎหมายกำหนดให้กระทำการได้ มีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้
4.1 เพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการงานของบริษัท การจัดหาหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้หรือรับบริการในรูปแบบต่าง ๆ
4.2 เพื่อการทำธุรกรรมทางการเงิน และภาษีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญาของบริษัท
4.3 เพื่อการค้นคว้า หรือการวิจัย
4.4 เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของบริษัท หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับบริษัท
4.5 เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพในการดำเนินงาน การให้บริการ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
4.6 เพื่อการวิเคราะห์และติดตามการใช้บริการทางเว็บไซต์ และวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบย้อนหลังในกรณีที่เกิดปัญหาการใช้งาน
4.7 เพื่อการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท
4.8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึง การป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคคลอื่น การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ และเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย ของบริเวณอาคาร ภายในอาคาร และพื้นที่ของบริษัท
4.9 เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัท ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย หรือบริษัท อาจไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออำนวยความสะดวกในการดำเนินการต่าง ๆ ให้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน
- ระยะเวลาในการจัดเก็บ และทำลาย ข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลไว้ตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจนบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ภายใต้กรอบของกฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี) เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บที่กำหนดบริษัทจะทำลาย ลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานกว่าระยะเวลานั้น
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้เวลาในการดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดระยะเวลาจัดเก็บ หรือนับจากวันที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแจ้งเพิกถอนความยินยอม
- การขอความยินยอม และผลกระทบที่เป็นไปได้จากการปฏิเสธให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอถอนความยินยอม
ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และเจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท บริษัทอาจปฏิเสธการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือปฏิเสธการให้บริการ หรือจำกัดสิทธิในการให้บริการ
6.1 ในกรณีที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของเจ้าของข้อมูล เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
6.2 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้
6.3 หากเจ้าของข้อมูลถอนความยินยอมที่ได้ให้ไว้กับบริษัท หรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางอย่าง ที่ต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือสัญญาจ้าง หรือเพื่อเข้าทำสัญญาแก่บริษัท อาจทำให้การปฏิบัติงานตามสัญญาและสิทธิในการเข้าถึงสวัสดิการหรือบริการที่บริษัทจัดไว้ ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์
- ข้อยกเว้นในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ซึ่งกฎหมายได้บัญญัติสิทธิไว้ดังนี้
7.1 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ ตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
7.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
7.3 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือ เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
7.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
7.5 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
7.6 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
- การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
8.1 บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไปให้บุคคลและนิติบุคคลอื่นโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่บริษัทได้แจ้งไว้
8.2 บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้ง การปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้
(1) บริษัทอาจเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทในเครือ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่นทั้งในและต่างประเทศ ตามประกาศ กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ที่ 01/2558 เรื่องคำนิยาม ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558
(2) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลและนิติบุคคลอื่น ที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือกลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น เช่น ผู้ให้บริการตรวจสุขภาพประจำปี ผู้รับประกันภัย ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลากร การจ้างงาน การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ การทดสอบคุณสมบัติและความสามารถ ระบบสารสนเทศ สถาบันการเงิน คู่ธุรกิจ ผู้พัฒนาระบบสารสนเทศ และบุคคลอื่นที่จำเป็น เป็นต้น
(3) บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย
8.3 ในกรณีที่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของพนักงานอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบโดยข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน
- การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
9.1 บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบริษัทในเครือหรือบุคคลอื่นในต่างประเทศ ในกรณีที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคล เพื่อผลประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้ จะไม่ก่อให้เกิดการละเมินสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของเจ้าของข้อมูล (Legitimate Interest) และจะปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด
9.2 กรณีบริษัทได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึง มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศ ที่รับข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว
9.3 บริษัทอาจเก็บข้อมูลของพนักงานบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชั่นของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล แต่บริษัทจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
- การทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจทำการพิจารณาทบทวน แก้ไข เปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติและข้อกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยเผยแพร่ผ่านการประกาศในเว็บไซต์ของบริษัท และช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทต่อไป
- มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย สำหรับข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะกำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิชอบ
มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ของบริษัทครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) มาตรการป้องกันด้านเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล (Access Control)
บริษัทจะแจ้งมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ส่วนบุคคล ให้แก่บุคลากร พนักงาน ลูกจ้างหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึง สร้างเสริมความตระหนักรู้ด้านความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
12.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมไว้ ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้แล้ว
12.2 สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
12.3 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้บริษัทแก้ไข เพิ่มเติม ข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องและสมบูรณ์
12.4 สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการแจ้งให้ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้
12.5 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้
12.6 สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิให้บริษัทโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทไปยังตัวเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่นได้
12.7 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้
12.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล บริษัทอาจพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม
12.9 สิทธิในการร้องเรียน เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทอาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใด ๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่จำเป็น
- ช่องทางการติดต่อบริษัท
ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล แจ้งเพิกถอนความยินยอม หรือมีข้อร้องเรียนใด ๆ เจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อบริษัท ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้
สถานที่ติดต่อ: บริษัท ครีเอทีฟ อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัทในเครือ
ติดต่อเจ้าหน้าที่: ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์
สถานที่ติดต่อ: สำนักงานใหญ่ เลขที่ 18 ซอยรามคำแหง 30 (บ้านเรา) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. 10240
โทร: 0-2375-5197 Fax: 0-2732-1778
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทเห็นสมควร โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่ค้าก่อน แต่ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คู่ค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษรโดยประกาศลงในเว็บไซด์ของบริษัท และคู่ค้าตกลงที่จะปฏิบัติตามนโยบายที่บริษัทได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าว